ธารน้ำใจในวิกฤต

    ทีมอารยธาม

    เผยแพร่ 18 กันยายน 2567

    ปลายเดือนสิงหาคม 2567 จังหวัดน่านต้องเผชิญกับวิกฤตน้ำท่วมหนักอย่างที่ไม่อาจประเมินค่าเสียหายได้ ไม่ใช่เฉพาะบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ข้าวของเครื่องใช้ ที่เสียหายเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงร่างกายและจิตใจที่บอบช้ำจากความสูญเสีย ซึ่งเป็นความรู้สึกข้างในลึกๆ ของผู้คนที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นถ้อยคำได้ 

    ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก.....ผ่านมาไม่ถึงอาทิตย์ ข่าวพายุยางิพัดผ่านทะเลจีนใต้ เข้าเวียดนามถูกประกาศ เพื่อให้ชาวบ้านในจังหวัดทางภาคเหนือที่อาจจะได้รับผล กระทบจากพายุลูกนี้ เฝ้าระวังและเตรียมป้องกัน พายุยางิสร้างความเสียหายให้กับเวียดนามอย่างหนัก แต่ก็อ่อนตัวลงเมื่อถึงไทย ทำให้ความกังวลใจเหมือนจะเริ่มคลาย

    แต่เหตุการณ์หาเป็นเช่นนั้นไม่ !!!! 

    น้ำป่าจำนวนมากไหลทะลักมาจากฝั่งพม่าและลาว เข้าสู่จังหวัดเชียงรายอย่างไม่ทันตั้งตัว น้ำเข้าล้อมพื้นที่ โดยเฉพาะ อ. แม่สาย ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการตัดไม้ทำลายป่าเป็นวงกว้างในเขตพม่าและลาวในช่วงทศวรรษนี้ เมื่อไร้ป่า ไร้รากไม้ที่จะยึดเกาะเกี่ยวหน้าดิน พื้นดินจึงถูกน้ำกัดเซาะได้โดยง่ายและถล่มทลายลง นำพาเอาโคลนดินมากมายมหาศาลลงมาด้วย  ประกอบกับการขยายเมืองใน อ.แม่สาย อย่างรวดเร็วในระยะ 20 ปีที่ผ่านมา การสร้างสิ่งก่อสร้างรุกล้ำและขวางทางน้ำหลายสาย ก็มีส่วนทำให้ระบบการระบายน้ำเป็นไปได้ช้าลง ชาวบ้านจึงต้องประสบกับวิกฤตในครั้งนี้.............

    ไลนนน์ ... ไลนนน์ ... ไลนนน์ ....

    เสียงเตือนจากแอปไลน์ดังขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เราตื่นจากภวังค์ความคิด ......

    กลุ่มไลน์ ชาวพึ่งตนเพื่อชาติ ของเรานี่เอง......

    หลายกลุ่มเริ่มขยับ สื่อสารกันผ่านกลุ่มไลน์เพื่อขับเคลื่อน ดำเนินการช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ บางกลุ่มรวมตัวกันในพื้นที่ประสบภัย ทำน้ำยาอเนกประสงค์สำหรับทำความสะอาดเตรียมไว้แจกให้ผู้ประสบภัยใช้เมื่อน้ำลด

    บางกลุ่มรวบรวมสิ่งของเครื่องใช้และข้าวสาร ขับรถส่งต่อกันเป็นทอดๆ ไปตามเส้นทางจังหวัดต่างๆ เพื่อนำสิ่งของจำเป็นขึ้นไปช่วยพี่น้องที่เชียงราย

    ชาวพึ่งตนฯ เรามีน้ำใจและน่ารักเช่นนี้เสมอ แม้จะอยู่กันคนละทิศละทาง ต่างมารวมตัว ร่วมด้วยช่วยกันเมื่อถึงเวลา สนับสนุนกันในทุกรูปแบบ บ้างส่งกาย บ้างส่งใจ บ้างสมทบเป็นกำลังเงิน เพื่อให้บรรลุตามจุดประสงค์ที่ได้ตั้งใจกันไว้

    ที่ศูนย์พรรณาฯ เอง เราชวนเพื่อนๆ มาช่วยกันทำยาขี้ผึ้งผสมใบต้นทองพันชั่ง แก้น้ำกัดเท้า เพื่อส่งขึ้นไปให้พี่น้องเชียงรายเช่นกัน เพราะคิดว่า ยานี้น่าจะต้องได้ใช้อย่างแน่นอน เป้าของเราภายใน 2 วันคือ 10,000 ขวด เมื่อเตรียมหาวัตถุดิบพร้อม เราจึงลงมือทำ เริ่มจากการนำสมุนไพรหลัก คือ ใบต้นทองพันชั่ง และสมุนไพรอื่นๆ เช่น ขันทองพยาบาท ใบชุมเห็ดเทศ กระเทียม และกานพลู ที่เตรียมไว้ไปทอดให้กรอบเพื่อสกัดเอาสารสำคัญจากสมุนไพรออกมา จากนั้นกรองเอาเฉพาะน้ำมัน นำน้ำมันที่ได้มากวนกับพาราฟินและขี้ผึ้ง เมื่อเข้ากันดีแล้ว ก็นำไปบรรจุใส่ขวดแก้ว ทิ้งไว้รอสมุนไพรเย็นตัว ก็ทำการปิดฝา ติดสติ๊กเกอร์ และนำใส่กล่อง เราทำกันตลอดเสาร์และอาทิตย์ ได้ 6,000 ขวด 

    พวกเราไม่ได้มีโอกาสขึ้นไปช่วยพี่น้องในพื้นที่ประสบภัย จึงอยากจะทำอะไรที่เราพอช่วยได้ เพื่อส่งกำลังใจไปให้ผู้คนในพื้นที่ พวกเรามีความตั้งใจจริง และปรารถนาให้ผู้ประสบภัยทุกคนผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปให้ได้

    วิกฤตครั้งนี้ ทำให้เราเข้าใจว่า มนุษย์นั้นรุกล้ำธรรมชาติมากเกินขีดจำกัด จนทำให้โลกไม่สมดุล ธรรมชาติแปรปรวนไปจากที่เคยเป็น  โลกเดือดเต็มพิกัดแล้ว ธรรมชาติกำลังปรับสมดุลคืนให้กับโลกใบนี้ ฉะนั้นวิกฤตต่างๆ จะมาเยือนเราอีกแน่นอน เราคงต้องยอมรับและเตรียมใจเพื่อหาทางป้องกัน ผลที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ซึ่งพวกเราทุกคนล้วนมีส่วนร่วมด้วยกันทั้งนั้น ทางออกเดียวตอนนี้ คือ หันกลับมาดูแลธรรมชาติรอบตัว ใช้ชีวิตความเป็นอยู่แบบสอดคล้องคล้อยตามธรรมชาติ ใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้น้อยลง สร้างมลภาวะให้น้อยลง ก็สามารถช่วยให้โลกเบาขึ้นได้ไม่มากก็น้อย เพื่อให้เรายังมีโลกที่น่าอยู่ต่อไปอีกนานๆ


    เครดิตภาพ: ไทยโพสต์ ข่าวสด สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน เพื่อนพึ่งตนเพื่อชาติ

    ความคิดเห็น