เรียนรู้บ้านเพื่อน : น้ำเขียวมหัศจรรย์
ทุกคนรู้จักน้ำคลอโรฟิลกันมั๊ยคะ?
สำหรับเราส่วนตัวรู้จักแต่น้ำคลอโรฟิลสีเขียวเข้มๆ รสฝาดขม ที่มีเคาน์เตอร์ตั้งขายอยู่ในห้างสรรพสินค้า เครื่องดื่มที่เคลมกันว่ามีสรรพคุณดีมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ถ้าอยากจะกินบำรุงร่างกายที ก็ต้องขับรถเข้าห้างฯ ไปหาซื้อมากิน โดยเฉพาะถ้าเป็นแบบคั้นสดๆ ราคาก็ไม่ใช่ว่าถูก กินบ่อยๆ คงสะเทือนหน้าแข้งคนกินไม่น้อย ปัจจุบันเห็นมีบรรจุขวดเป็นน้ำคลอโรฟิลสำเร็จรูปพร้อมดื่ม วางขายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป
วันนี้เรามีวิธีทำน้ำคลอโรฟิลแบบง่ายๆ สำหรับทำกินเองมาฝาก วัตถุดิบหาได้ง่ายๆ ภายในสวนบ้านเรา ทั้งสดใหม่ ทั้งสะอาดและปลอดภัย จะกินเมื่อไรก็ลงสวนเก็บสมุนไพร เข้าครัวเพื่อลงมือทำเท่านั้นเอง
สูตรนี้เราได้มาจากพี่ดู (คุณจิรัฐิพร ศิรารักษ์วงษ์) แม่หมอสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ม่อนฮักคาเรน ของดร.ชิ ที่เชียงราย สถานที่ที่เราไปเยี่ยมเยือนระหว่างไปอารยทริปภาคเหนือ
พี่ดูเล่าว่า พี่ดูเคยเป็นมะเร็ง โดนคุณหมอที่โรงพยาบาลทักว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน พี่ดูเลยหันกลับมาดูแลตัวเองตามแนวธรรมชาติ ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและการอยู่การกิน จนสามารถอยู่ได้มาถึงทุกวันนี้ นี่ก็เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วจากที่คุณหมอทักในครั้งนั้น และน้ำคลอโรฟิลก็เป็นน้ำดื่มประจำที่พี่ดูใช้สำหรับล้างพิษ และปรับสมดุลให้กับร่างกายตนเอง
วัตถุดิบง่ายๆ ที่หาได้ในสวนหลังบ้าน วันนั้นก็คือ
*1. ใบย่านาง
*2. อ่อมแซ่บ
3. เตยหอม (เพิ่มความหอม)
4. เสลดพังพอนตัวเมีย
5. พลูคาว (มีกลิ่นคาว จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
6. ผักบุ้ง
7. กลดน้ำหรือมะไฟเดือนห้า (ทำให้มีรสหวาน)
* พี่ดูบอกว่าสมุนไพรตัวหลักที่ขาดไม่ได้คือ ใบย่านางและอ่อมแซบ ส่วนสมุนไพรตัวอื่นๆ ใช้ใส่เสริม หลังบ้านเรามีสมุนไพรตัวไหนก็ใช้ตัวนั้น ส่วนใหญ่จะใช้สมุนไพรฤทธิ์เย็น บางสูตรก็อาจจะเสริมใบหม่อน ใบบัวบก ใบชะพลู เป็นต้น
เราลองไปค้นสรรพคุณของสมุนไพรตัวหลักในกูเกิ้ลดู เจอข้อมูลจากบทความวิจัยฯ ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี บอกไว้ว่า “ใบย่านางมีคลอโรฟิลที่มีโครงสร้างที่คล้ายคลึงกับเม็ดเลือดแดงของมนุษย์ดังนั้นจึงทำให้ระบบการไหลเวียนผลัดเม็ดเลือดแดงเพิ่มมากขึ้นทำให้ช่วยขจัดสารพิษออกจากระบบเลือด ตับ และไต ทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายแข็งแรงขึ้น จึงนิยมนำใบย่านางมาทำเครื่องดื่มใช้ล้างสารพิษ” (https://stri.cmu.ac.th/article_detail.php?id=34) ส่วนอ่อมแซบนั้น ช่วยบำรุงเลือด บำรุงร่างกาย และล้างพิษที่ตกค้างในร่างกายได้
วิธีทำ คือ นำสมุนไพรมาคั้นเอาน้ำ และกรองเอากากออก
เพียงแค่นี้เราก็ได้น้ำคลอโรฟิลดีๆ สดๆ เอาไว้ดื่มแล้วค่ะ โดยสมุนไพรที่เหนียวหรือแข็งหน่อย เราก็นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ตำให้ละเอียดก่อนนำไปคั้นน้ำ ส่วนสมุนไพรที่ใบอ่อน นิ่ม ก็สามารถใส่น้ำแล้วคั้นได้เลย น้ำคลอโรฟิลที่คั้นแล้ว หากอยู่ในอุณหภูมิปกติเกิน 4 ชม. มักจะเริ่มมีกลิ่นเปรี้ยวซึ่งไม่ควรใช้แล้ว แต่หากเก็บไว้ในตู้เย็นควรดื่มภายใน 3-5 วันโดยให้สังเกตกลิ่นเปรี้ยวเป็นหลัก
อ๊ะ!...อ่านมาถึงตอนนี้คงสงสัยกันสิว่า เวลาคั้นควรใส่น้ำเท่าไหร่ถึงจะโอเค ให้ใส่น้ำจนท่วมสมุนไพรแล้วคั้นเอาเฉพาะน้ำ ถ้าสีของสมุนไพรยังเข้มอยู่ เราสามารถใส่น้ำและคั้นได้อีก 1-2 รอบจนกว่าสีของสมุนไพรจะอ่อนลง ถือว่าใช้ได้แล้ว
สิ่งสำคัญของการทำน้ำคลอโรฟิลคือ “ความสะอาด” เนื่องจากตัวน้ำคลอโรฟิลนั้น เราจะไม่ผ่านกระบวนการต้ม เพราะความร้อนจะทำให้สูญเสียคุณค่าทางสมุนไพรไป เราจึงต้องล้างทำความสะอาดสมุนไพร วัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ เช่น มีด เขียง ที่กรอง ภาชนะใส่น้ำ รวมถึงมือคั้น ต้องล้างให้สะอาดก่อนทำทุกครั้ง
วิธีกิน พี่ดูแนะนำให้กินตอนท้องว่าง โดยเฉพาะถ้ากินช่วงเช้าได้จะดีที่สุด กินเพียวๆ 1 แก้วเป๊กสำหรับผู้ที่รู้สึกว่ามีภาวะร่างกายที่ไม่สมดุล หรือหากคิดว่าเข้มข้นไป ก็สามารถใส่น้ำเพื่อเจือจางได้
ข้อควรระวัง เนื่องจากน้ำคลอโรฟิลมีฤทธิ์เย็น หากผู้กินเป็นคนที่หนาวง่าย หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาว ไม่ควรกินมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้ร่างกายหนาวเย็นได้
เห็นไหมคะว่า เราสามารถทำเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกายได้จากสมุนไพรรอบตัวที่มีในบ้าน เป็นการพึ่งพาและดูแลสุขภาพตนเองแบบง่ายๆ อย่างแท้จริง ไม่ต้องไปซื้อหามาในราคาแพง ว่าแต่....เราต้องมีผักสมุนไพรหลังบ้านกันก่อนนะคะ เพื่อนๆ เริ่มปลูกกันบ้างหรือยังค่ะ
เรื่องและภาพ
ณฐ๑