ตอนที่ 3
ประติมากรรม จิตรกรรม ท้องฟ้า ต้นไม้ ใบหญ้า ดอกไม้ และวิถีชีวิต
การเดินทางของลูกชาวนาไทอีสาน ตอนที่ 3 ประติมากรรม จิตรกรรม ท้องฟ้า ต้นไม้ ใบหญ้า ดอกไม้ และวิถีชีวิต
ทีมอารยธาม
เผยแพร่ 23 มิถุนายน 2567กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว แต่สร้างเสร็จได้ด้วยการลงมือทำและด้วยแรงศรัทธา
นครรัฐวาติกัน อันงดงาม อลังการ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ถูกสร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาอันยิ่งใหญ่มาก การเข้าชมใช้เวลาอย่างรวดเร็วที่สุด 2 ชั่วโมงกว่า ซึ่งจากคำบอกเล่าของไกด์คนไทยว่า ”ถ้าดูงานประติมากรรมและงานจิตรกรรมทั้งหมดที่มีประมาณ 70,000 กว่าชิ้น ต้องใช้เวลาถึง 10 ปี แต่งานที่อนุญาตและเปิดให้เข้าชมมีเพียง 20,000 กว่าชิ้น” เวลาเพียง 2 ชั่วโมงจึงทำได้แค่ดูผ่านๆ แวะเฉพาะจุดที่สำคัญ
พลังแห่งความศรัทธาของผู้คนที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้า ทำให้เกิดจิตรกรรมภาพวาด รูปปั้นมากมาย เหมือนสร้างจากพลังวิเศษอะไรหนอ ผู้ที่สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาเมื่อ 1,000 - 2,000 ปี ช่างมีจิตใจเข้มแข็ง มีความเพียร ความอดทน มีพลังกายที่แข็งแรง และคงจะมีความรัก มีความสุขกับงานที่ทำมาก ผลงานที่ประจักษ์ต่อสายตาช่างงดงามเกินคำบรรยาย
ยังมี เมืองฟลอเรนซ์และสถานที่อีกมากมายที่จำชื่อไม่ได้ ล้วนแต่ออกแบบจัดการเรื่องแสง อากาศถ่ายเท ระดับวิศวกรรมขั้นเทพที่หาดูได้ยาก ทุกอาคารทุกพื้นที่ถูกออกแบบอย่างมีมาตรฐาน แข็งแรง และน่าทึ่งมาก แม้แต่โคลอสเซียมสิ่งหนึ่งในปลูกสร้างมหัศจรรย์ของโลกยังให้ความรู้สึกที่แฝงไว้ด้วยพลังลี้ลับของผู้คนและสัตว์ที่อ่อนแอ
ชีวิตของผู้สร้างและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในงานทุกชิ้น ทั้งอาคาร สถานที่ทุกแห่งในอิตาลีในอดีต ทำให้ผู้คนมากมายจากทั่วโลกที่มาเที่ยวชมได้สัมผัสถึงความมหัศจรรย์ ทึ่งในงานที่สร้างไว้อย่างแข็งแรง มั่นคง งดงาม และยังเป็นพื้นที่สร้างรายได้เลี้ยงดูผู้คนยุคต่อๆ มาอีกไม่น้อยทีเดียว
FAO ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานวันดินโลก สิ่งแรกที่มองด้านบนคือธงชาติไทยอยู่ไหน? เมื่อธงชาติจากหลายประเทศ (ไม่แน่ใจว่าทั่วโลกไหม) มารวมกันในห้องเดียว มันสวยงามมาก มองออกไปจากชั้น 8 เห็นวิวรอบนอกของเมือง เห็นความอลังการของประติมากรรมต่างๆ ในกรุงโรม
ประทับใจที่สุดในชีวิต คือ ห้องไทย ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงเคยมาประทับ และร่วมงานที่ FAO มองเห็นแผนที่ประเทศไทยที่ทำด้วยไม้ที่ผนังด้านขวาของห้อง มองแล้วน้ำใสๆ ก็ไหลออกตา
สถานทูตไทยในอิตาลี คือ อีกหนึ่งสถานที่ของประเทศไทยที่มีความสำคัญมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 มีอายุมากกว่า 100 ปี รู้สึกเป็นบุญที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้มาเห็นกับตาถึงความงดงามในความเป็นไทย ที่จะอยู่ในความทรงจำ เก็บไว้เล่าต่อให้ลูกหลานฟัง
ท้องฟ้าสีครามสดใส ต้นไม้งดงามดูมีพลังชีวิต เติมแต่งด้วยสีสันของดอกไม้ ใบหญ้านานาชนิดทั้งที่อยู่บนดินและถูกจัดวางไว้ในกระถางเรียงรายตามบ้าน ข้างทาง มุมตึก หน้าร้าน ทุกสิ่งอย่างถูกจัดวางได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเดินไปมุมไหนอดใจไม่ได้ที่จะต้องยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูป หลงรักเสน่ห์ของธรรมชาติที่อิตาลี เป็นเหมือนเมืองในฝันที่อยู่ในจิตนาการ พลังชีวิตที่งดงามตามธรรมชาติ งดงามประทับใจ
วิถีผู้คนที่แตกต่าง การทำงานที่มีกฎระเบียบ ทุกอย่างถูกจัดวางและกำหนดไว้ จะยกจะย้ายต้องแจ้งและมีขั้นตอน บางอย่างวางแล้ววางเลยย้ายไม่ได้ (ไทยเรายกกี่รอบ ย้ายกี่ที ได้จนกว่าจะพอใจ) ภาษาพูดสื่อสารที่แตกต่าง
การใช้ชีวิต กิน นอน แต่งตัว แฟชั่น ที่ยกให้อิตาลีเป็นผู้นำแบรนด์เนมมากมาย หรือหลายครั้งที่เคยได้ยินว่าเป็นเมืองผู้ดี แต่ผู้คนที่นี่กลับมีวิถีชีวิตตรงข้าม ทั้งเรื่องราวการโจรกรรมอย่างแนบเนียมจับไม่ได้ว่าใคร คนไร้บ้าน ขอทาน ผู้อพยพ ผู้ที่ต้องใช้แรงงานในไร่ ยืนขายของ ขายวาดภาพ และอื่นๆ อีกมากมาย คือ การเอาตัวรอดที่แตกต่าง ที่ต้องต่อสู้กับค่านิยม ค่าครองชีพที่แพงทุกสิ่งอย่าง แววตาของผู้คนเหล่านี้ที่เห็นดูเหมือนไม่มีความหวัง ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร สิ่งที่เขาทำได้คงแค่ทำยังไงก็ได้ให้อิ่มท้องและมีที่หลับนอน ไม่ต้องตากฝน ไม่ต้องนอนหนาว
อยู่บ้านเราอาจจะร้อนหน่อยแต่ของไม่แพง แบ่งปันกันกินได้ “บ่อึดบ่อยาก” (มีมากมายไม่อดไม่อยาก)
เขียน Writer
นามูน
ภาพ Photography
ทีมสื่อคณะเดินทาง